แหล่งที่มา หนังสือห้องสมุด”วัฒนธรรมการกินของคนเมือง: น้ำพริกและผักพื้นบ้านล้านนา
คนเมืองจะกินอาหารที่รสอ่อน คือ ไม่เค็ม ไม่เผ็ด ไม่หวาน มาก แต่จะอยู่พอดี ในแต่ละฤดูคนเมืองหรือคนล้านนา จะมีอาหารประจำฤดู
ฤดูฝน จะเป็นฤดูที่มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ ในนาและหนองน้ำ มีสัตว์ประเภทกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด นานาชนิด เช่น อีฮวก (ลูกอ็อด) คนล้านนาจะเอามาตำเป็นน้ำพริกอีฮวกกินกับผักสด และข้าวนึ่งฮ้อนๆ
จิกุ่ง เป็นแมลงประเภทจิ้งหรีด แต่ตัวใหญ่กว่า คนเมืองถือว่าเป็นอาหารชั้นยอด โดยจะเอาทอด หรือว่าเอามาทำเป็นน้ำพริก กินกับผักสด ก็ได้
ปูนา สามมารถนำมาทำเป็นน้ำพริก หรือว่าจะเอามาทำน้ำปู๋ น้ำปู๋ได้มาจากการเอาปูนาตัวเล็กๆนำมาโขลกผสมตะไคร้ ข่า เกลือ ใบมะกอก แล้วกรองเอาแต่น้ำ นำไปเคี่ยวจนข้น แล้วเหนียว มีสีดำ ใช้แทนกะปิ หรือปลาร้าก็ได้ อาหารที่กินกับน้ำปู๋ ยำหน่อ จะคล้ายกับซุปหน่อไม้ของอิสาน ส้ามะโอคือยำส้มโอ หน้าฝนก็ยังมีเห็ดป่าฝน เช่น เห็ดเหลือง เห็ดแดง เห็ดถอบ(ต้นฝน) เห็ดไข่ห่าน เห็ดขมิ้น
ฤดูหนาว อาหารการกินในฤดูนี้จะเน้นการเพิ่มไขมันเพื่อสู้กับความหนาว น้ำพริกอ่อง จึงเป็นอาหารในฤดูหนาว เพราะเราใช้หมูติดมัน การทำ
เมื่อฤดูแล้งมาเยือน หลังเก็บเกี่ยวข้าว ตากแดดให้แห้ง นวดและขนเข้ายุ้งฉางแล้ว แต่เดิมชาวบ้านมักจะหมดงานหนักแล้วที่เคยตรากตรำมา แต่ก็ใช่ว่าจะนอนตีพุงสบาย ไม่ได้ทำอะไรเลย งานซ่อมแซม บ้านเรือน จอบ เสียบ ไถ คราด และงานอื่นๆยังรออยู่ น้ำพริกในฤดูนี้จะเป็นแบบแห้งที่สามารถเก็บไว้กินได้นาน หรือกินได้ตลอดปี น้ำพริกดำ จะคล้ายกับน้ำพริกตาแดง แต่ส่วนประกอบต่างกัน น้ำพริกดำ บางบ้านเรียกว่าน้ำพริกแห้ง โดยเอาพริกแห้งไปย่างไฟอ่อนๆ หอม กระเทียม เอาไปเผาให้สุก แล้วแกะเปลือก เอาไปตำกับพริกแห้งจนละเอียดแล้วใส่เกลือเข้าไปด้วย จะได้น้ำพริกเก็บไว้กิน
การกินอาหารแตกต่างกันในแต่ละฤดู ไม่น่าจะเป็นเพียงเรื่องการมีอยู่ กับไม่มีอยู่ของพืช สัตว์ ที่นำมากินในช่วงเวลานั้นๆเท่านั้น แต่น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าอกเข้าใจในผลของการรับประทาน สุดท้ายของการกินที่มีต่อสุขภาพอนามัย ว่าอะไรกินแล้วดี อะไรกินแล้วไม่ดี ในช่วงฤดูกาลหรือโอกาสนั้นๆเป็นความรู้ที่มีอยู่จริง
วันจันทร์, พฤษภาคม 04, 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น